คาชาพูริ: ขนมปังชีสจากจอร์เจีย
คาชาพูริเป็นอาหารเลิศหลายทุกข์และเป็นที่รักของทุกคนจากจอร์เจีย มีโครงร่างเป็นเรือที่เต็มไปด้วยผสมที่อุ่นซึมเชียส์ น้ำมันเนย และไข่ อาหารนี้ให้ความสะดวกสบาย กลมกล่อม และเหมาะกับเป็นอาหารเช้าหรือของว่างอย่างดี การผสมระหว่างชีสละลายและไข่ไกห้องอุ่นในเรือเป็นขนมปังอบแสนสะใจ นี่คือสูตรขั้นตอนการทำขนมสุกี้นี้ให้หากินที่บ้าน
ส่วนผสม:
- 2 1/4 ถ้วย แป้งสาหร่ายประเภทปัจจุบัน
- 1 ซอง (2 1/4 ช้อนชา) ยีสต์แห้งกิมจิ
- 1 ช้อนชา น้ำตาล
- 1 ช้อนชา เกลือ
- 3/4 ถ้วย น้ำอุ่น
- 1/4 ถ้วย นม
- 2 ช้อนโอลีฟส์ออยล์
- 1 1/2 ถ้วย ชีสฟีต้าหั่น
- 1 ถ้วย ชีสโมซาเรลล่าถั่ว
- 1/2 ถ้วย ชีสริโคตต้า
- 2 ฟองใหญ่ ไข่
- 2 ช้อนโอลีฟส์เนย
ขั้นตอน:
เตรียมแป้ง:
- ในชามขนาดใหญ่ ผสมน้ำอุ่น น้ำตาล และยีสต์ คนให้เข้ากันและปล่อยให้นวลประมาณ 5-10 นาที หรือจนเกิดฟอง
- เพิ่มนม โอลีฟอยล์ เกลือ และแป้ง 1 1/2 ถ้วยลงในส่วนผสมยีสต์ คนจนส่วนผสมเข้ากัน
- โดยค่อยๆเพิ่มแป้งที่เหลือเข้าไป 1/2 ถ้วยต่อหนึ่งครั้ง จนเกิดขนมปังอ่อน กลมกล่อม อาจไม่จำเป็นต้องใช้แป้งทั้งหมด
- นำแป้งไปบนพื้นที่โรยแป้งและคนประมาณ 8-10 นาที หรือจนแป้งนุ่มและยืดหยุ่น
- วางแป้งในชามนิรภัยทาน้ำมันอย่างอ่อน ๆ คลุกด้วยผ้าชุบชื้น และปล่อยให้พักอยู่ในที่อุ่นประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงหรือจนใหญ่ขึ้นครึ่ง
เตรียมส่วนผสม:
- ในชามคลุกเชีสฟีต้าเข้าด้วยกัน
ประกอบคาชาพูริ:
- เรียกอบเนียร์ของคุณที่อุณหภูมิ 450°F (230°C) คลุกบนพื้นปิดกระดาษอบ
- หลังจากที่แป้งขึ้น กดลงไปและแบ่งเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน
- ขยายแต่ละส่วนเป็นรูปร่างไขว้ 9-10 นิ้ว
- วางแป้งที่ขยายเต็มบนแผ่นปิดกระดาษอบ กระจายส่วนผสมชีสไล่แต่งตรงกลางของแต่ละแผ่นแป้งโว้ย่วว ทิ้งขอบแต่ละด้านที่เหลืออยู่
- พับขอบแป้งผสมชีสเข้าด้วยกันเพื่อสร้างรูปร่างเรือ ล้อมปลุกปลอกตรงสายด้าน
- ปัดอบในอบเป็นเวลา 12-15 นาที หรือจนขนมปังยืนดินสีทองและชีสละลาย
- ดึงออกจากอบ สร้างบ่อน้อยในตรงกลางของส่วนผสมชีส และโค๊คไข่ลงไป คืนกลับเข้าอบและอบเพิ่มเติมอีก 5-6 นาที หรือจนว่าไข่ขาวจะตั้งแต่ไข่แดงยังไหลเละอยู่
การเสริฟ์:
- ดึงออกจากอบ แปะประสาทขอบขนมปังด้วยน้ำมันใหม่
- เสิร์ฟร้อค ฉกไข่แดงรับประทานและคลุกด้วยชีสละลายก่อนที่จะแบ่งบริเวณขอบขนมปังเพื่อบีบส่วนใหญ่ของชีสเหนียงมันก่อนที่จะสำรับ
สนุกกับขนมสุกี้คาชาพูริที่ทำเองบ้าน ที่มีรสชาติแท้จากตำนานอาหารจอร์เจีย!
The source of the article is from the blog be3.sk